หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ปรารถนาให้ลูกน้อยเติบโตอย่างองอาจในทุกๆวันถือเป็นความหวังยิ่งของผู้ที่เป็นแม่และพ่ออย่างมาก เวลาที่ลูกไม่สบาย หัวอกของพ่อแม่ก็แทบสลาย

แต่การที่ลูกจะมีพลานามัยดี และแข็งแรงนั้นก็มิได้จะปรากฏกับเด็กทั้งหมด เหมือนกับกับน้องแอมป์ลูกผู้หญิงคนเล็กของคุณยุพาพร เด็กน้อยคนนี้มีอายุเพียงสองขวบเศษเท่านั้น ก็สัมผัสพบกับโรคร้าย เจ็บไข้ได้ป่วยเป็นก้อนเนื้องอกในช่องท้อง

“กลางคืนหนึ่งน้องเกิดมีไข้สูงถึง 38-40 องศา ต้องรีบเร่งพาส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว ทีแรกเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2554 ก่อนหน้านี้มีอาการท้องบวม ปวดท้องอย่างหนัก อาการท้องผูก และอุจจาระแข็ง นายแพทย์ขอทำการเจาะเลือด เจาะไขสันหลัง เพื่อให้สำรวจหาโรคมะเร็งและนำเลือดไปตรวจจับที่ห้องแล็ป”

“ผลตรวจเจอเนื้องอกในท้องของน้อง มีความยาวโดยประมาณ 8 เซนติเมตร กว้าง 5 เซนติเมตร จำเป็นต้องกรีดท้องเพื่อนำชิ้นเนื้อในท้องไปตรวจเพื่อคลำหาคำตอบ ระหว่างนั้นแพทย์ก็แจ้งกับคุณยุพาพร ผู้เป็นแม่ให้เผื่อใจเอาไว้ว่าชิ้นเนื้อที่พาไปตรวจสอบนั้น สามารถเป็น เนื้อร้าย 80% สิ้นเสียงแพทย์เสมือนหนึ่งฟ้าผ่าลงกลางใจของคนเป็นแม่”

“ดิฉันทำได้เพียงก้มศีรษะแล้วอุ้มลูกมาโอบกอดไว้ที่อก ลูกเองก็โอบกอดแม่เอาหน้าซบไหล่ ได้แต่กล่าวในใจว่าลูกยังเด็กนักเกิดมาได้ 1 ปี 6 เดือน ต้องแยกจากแล้วเหรอ แล้วบอกกับตัวเองว่าน้องยังตายไม่ได้แม่จะกระทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อขอให้ลูกยังชีพอยู่ เมื่อถึงที่อยู่ก็ไม่พูดกับใครได้แต่สวดมนต์จนพ่อของน้องโทรมาหาฉัน ดิฉันคุยไปร้องไห้ไปจนปวดหัว พ่อน้องบอกว่ายังไงก็ต้องดูแลรักษา”

ผลตรวจจากห้องแล็ปถูกเอามาในตอนบ่ายของวันเดียวกัน ปรากฏว่าชิ้นเนื้อที่พาไปพิจารณานั้นไม่ใช่เนื้อร้าย แต่ก็ต้องเร่งรีบทำการเยียวยาด้วยการให้เคมีบำบัด

“การทำคีโมหนแรกเมื่อเดือนมกราคม เป็นเหตุให้เส้นของน้องระเบิด จับไข้ และเกล็ดเลือดลดลง คุณหมอทำการตรวจสแกนกระดูก เมื่อกลับพักดูแลตัวที่บ้าน ดิฉันกับสามี ต้องพร้อมใจกันฉีดยาสลายลิ่มเลือดให้ลูกทุกวัน ลูกก็ยังต้องทานยาลดความดันสูงทุกวัน”

“ช่วงที่ทำเคมีบำบัดผิวของน้องเริ่มคล้ำ เล็บมือและเล็บเท้าก็ดำคล้ำ ปากซีด หน้าเซียว ผมก็คล้ายกับหญ้าแห้งไหม้ ผิวเหี่ยว เพียงแค่เดินก็ไม่มีแรง กินอาหารได้เบาบาง และเขาจะร้องไห้ขี้กลัวคนแปลกหน้า โดยเฉพาะหมอและพยาบาล”

แม้ว่าจะอยู่ในเวลาความทุกข์ทรมานของญาติพี่น้อง เรื่องที่ดีก็บังเกิดพอให้ทั้งหมดในบ้านมีแรงใจขึ้นมามั่งไม่มากก็น้อย เมื่อเพื่อนข้างบ้านแนะนำน้ำ ACTIV120 ให้กับน้องได้ลองดูดื่ม

“หลานของคนข้างบ้านคนนี้เป็นโรคพุ่มพวงและได้นำน้ำ ACTIV120 (Activated Water)มาดื่มพร้อมทั้งใช้อาบน้ำ ผลลัพธ์คือหลานมีอาการทุเลาไม่เบา จากเรื่องราวนี้จึงตัดสินใจให้น้องดื่มน้ำแอคทิเวท พร้อมกันไปกับการเยียวยารักษา ตั้งแต่ตอนให้เคมีบำบัดครั้งแรกช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2554”

“ดิฉันยังให้ลูกดื่มน้ำดื่มแอคทิเวท ไปพร้อมด้วยการให้เคมีบำบัดโดยไม่ยอมดื่มน้ำอื่นอีกเลย และหลังจากนั้นทุกครั้ง ที่จะทำการฉายแสงก็จะจำเป็นจะต้องเจาะเลือดทุกครั้ง ผลเลือดออกมาว่าเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดอยู่ในมาตรฐานปกติวิสัยดี ไม่ต้องให้ยาเสริมใดๆ เลย มากกว่านั้นฉันยังปิติเหลือเกินเมื่อผลลัพธ์การเอ็กซเรย์ และการสแกนกระดูกเป็นปกติธรรมดา”

ข้อสรุปการเอ็กซเรย์ CT สแกน หรือคอมพิวเตอร์ความเร็วสูงครั้งที่สองทำหลังจากครั้งแรก 6 สัปดาห์ ครั้งนี้ผ่านการทำคีโมครั้งที่ 1 และให้น้องดื่มน้ำแอคทิเวท ไปแล้ว พบว่าก้อนเนื้องอกในท้องถดถอยจากราว 8 เซ็นต์ เหลือ 6 เซนติเมตร
ผลการเอ็กซเรย์ CT สแกนครั้งที่สาม ภายหลังครั้งที่สอง 12 อาทิตย์ มะเร็งในท้องหดตัวเหลือราว 3 ซม.
ผลลัพธ์การเอ็กซเรย์ CT สแกนครั้งที่ 4 หลังจากครั้งที่สาม 16 สัปดาห์ กำลังรอผลจากแพทย์เพื่อรอการผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกออกให้ไม่เหลือ

“น้องมีตุ่มเล็กๆขึ้นใบหน้าราวกับกับกลากน้ำนมขึ้นที่แก้ม บางครั้งกินขนมแล้วเปื้อนหน้ามีเม็ดขึ้น ดิฉันก็นำเอาผ้าชุบน้ำดื่มแอคทิเวท มาเช็ดใบหน้าให้เขา ผดผื่นก็ค่อยๆ ยุบตัวลงทั้งๆ ที่ไม่ต้องทายา”

“ปัจจุบันนี้น้องพลานามัยแข็งแรงไม่เหมือนคนป่วย เป็นเด็กสดใส อารมณ์ดี พิสูจน์ได้ว่า ACTIV120 ช่วยสนับสนุนอนามัยน้องได้"

“ก่อนหน้า บุตรชายคนโตเป็นหวัดบ่อย ต้องนำไปหาแพทย์ทุกสัปดาห์ ตอนนี้ก็ให้ลูกนำน้ำดื่มแอคทิเวทไปดื่มที่โรงเรียนด้วยประจำวัน ดิฉันมีความสุขมากทั้งนี้เพราะเขาไม่เป็นไข้หวัดอีกแล้ว”
ทุกวันนี้บ้านคุณยุพาพรเป็นครอบครัวน้ำ ACTIV120 (Activated Water)เพราะดื่มทั้งครอบครัว

“มีอยู่ครั้งหนึ่งพริกกระเด็นเข้าตาเจ็บแสบมาก ดิฉันใช้วิธีการการลืมตาในน้ำดื่มแอคทิเวท ผลปรากฎว่าหายแสบสนิท”
“ไม้หน้าบ้านเหมือนมันใกล้จะตายใบแห้งเหี่ยวและเริ่มเหลือง ใช้น้ำ ACTIV120ไปรด 2-3 ครั้ง มองดูว่าต้นไม้ฟื้นและเขียวสดใสขึ้นมา”

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : น้ำ activ120

ขอบคุณบทความจาก : https://activated-water-technology.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น